วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

Honda CR-V G4 ใหม่ 2012 มาให้ชมเต็มๆตา

ยังไม่ทันที่ Honda จะเปิดตัว รถตู้ Minivan รุ่น Freed Minorchange กับ City CNG ผ่านไปครบ 
1 เดือน เท่าใดเลย บริษัท Honda Automobile (Thailand) จำกัด ก็ไม่รอช้า เดินหน้าส่ง CR-V  
รุ่นเปลี่ยนโฉมทั้งคันในแบบ Full Model Change ออกสู่ตลาดตามเกาะติดทันที เปิดตัวแล้ว ในวันนี้ 
(18 กันยายน 2012) จนชวนให้แอบสงสัยอยู่นิดๆว่า ที่เร่งเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ตามติดต่อเนื่องกันแทบ 
ทุกเดือนเช่นนี้ เป็นเพราะ กลัวน้องน้ำ จะกลับมาเยือนโรงงาน ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนคร-
ศรีอยุธยา เฉกเช่นเดียวกันกับปี 2011 หรือเปล่า?

ได้แค่แซวเล่นกัน ขำ ขำ เพราะความจริง ผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ ต่างรู้ดีว่า นี่คืออีกหนึ่ง
รุ่นรถยนต์ ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ จากเหตุการณ์ มหาอุทกภัย ในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง เมื่อ
เดือนกันยายน - ธันวาคม 2011 เพราะหากไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว กำหนดการเดิมที่ Honda จะต้อง
เปิดตัว รถยนต์รุ่นนี้ออกสู่ตลาด จอยู่ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ - มีนาคม 2012 ที่ผ่านมา แต่ในเมื่อ
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นผ่านพ้นไปแล้ว ก็คงไม่อาจไปแก้ไขอะไรได้ มีเพียงแค่การปรับตัว ปรับแผน
รองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป 



CR-V ใหม่ นับเป็นรถยนต์นั่งรุ่นที่ 9 ที่ Honda Automobile (Thailand) ประกาศเปิดตัวสู่ตลาดเมืองไทย
อย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาเพียง 5 เดือนเศษ หลังจากฟื้นฟูโรงงานเสร็จสิ้น จนพร้อมกลับมาเดินเครื่อง
ผลิตรถยนต์ออกสู่จำหน่ายอีกครั้งเมื่อวันที่ 31 มันาคม 2012 โดยก่อนหน้านี้ Honda เปิดตัวรถยนต์นำเข้า
จากญี่ปุ่น ทั้ง CR-Z Odyssey StepWGN SPADA และ Freed Minorchange รวมทั้งรถยนต์ประกอบใน
ประเทศไทย ได้แก่ Civic FB Jazz HYBRID City CNG และ Brio รุ่นย่อยใหม่ S AT  ทำสถิติการเปิดตัว
รถมากรุ่นที่สุดเป็นประวัติการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว แน่ละ ไม่เคยมี
ใครที่ไหน เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ต่อเนื่องกัน แทบจะทุกเดือน เฉลี่ย เดือนละ 1 รุ่นอย่างนี้มาก่อนหรอก!

เพราะในความจริง CR-V รุ่นนี้ เปิดตัวในสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น มาตั้งแต่ช่วง เดือนกันยายน ของปี 2011
แต่ในเมื่อ Honda กลายเป็นผู้ประสบภัย ช่วงที่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ที่โรงงานโรจนะ Honda จึงต้องจำใจ 
พักการผลิต CR-V ไปชั่วคราว ก่อนจะเริ่มกลับมาผลิตรถรุ่นเก่า เท่าที่ยังมีใบสั่งจองเหลือค้างอยู่


CR-V ใหม่ ถือเป็น Generation ที่ 4 ของรถยนต์อเนกประสงค์ SUV ( Sport Utility Vehicle) รุ่นดังที่กลาย
มาเป็นเสาหลัก 1 ใน 4 รุ่นรถยนต์ ที่ขายดีที่สุด ของ Honda ทั้งในตลาดเมืองไทย และอีกกว่า 160 ประเทศ 
ทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวสู่ตลาดโลกในปี 1995 จนถึงวันนี้ CR-V ทั้ง 4 Generation ทำยอดขายสะสมไปได้
มากถึง 4.9 ล้านคัน!! เฉพาะในเมืองไทย นับตั้งแต่เริ่มทำตลาดในปี 1996 มียอดขายสะสมกว่า 90,000 คัน

มาวันนี้ CR-V ใหม่ ยังคงถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐาน โครงสร้างวิศวกรรมต่างๆ ร่วมกับรถรุ่นที่ 3 อันเป็นรุ่น
ก่อนหน้านี้ เพียงแต่นำเอาข้อด้อย เท่าที่มี มาปรับปรุงต่อยอด โดยรักษาคุณงามความดีของตัวรถทิ้งไว้

Mr. Satoshi Makino ผู้ช่วยหัวหน้าโครงการพัฒนารถยนต์ Honda CR-V ใหม่ จาก บริษัท Honda R&D จำกัด 
(ประเทศญี่ปุ่น) กล่าวว่า “การพัฒนารถยนต์ Honda CR-V ใหม่ เรายังใช้แนวคิดหลัก Man Maximum, Machine 
Minimum ที่เน้นให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยที่ให้อรรถประโยชน์และความ
สะดวกสบายมากที่สุด แนวคิดการออกแบบ CR-V ใหม่สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง (Bold) ผสานกับความล้ำสมัย
(Advance) อย่างชัดเจนและลงตัว”

CR-V ใหม่ มีรูปลักษณ์ภายนอก ที่เพิ่มความแข็งแกร่ง หรูขึ้น แต่มีเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวขึ้น ดูลงตัวกว่าเดิม
โครงสร้างตัวรถมีการยกระดับความแข็งแกร่งของโครงสร้างตัวรถแบบ Uni-body ที่พัฒนาเชิงวิศวกรรมใหม่
ทั้งหมด ส่งผลให้ ซีอาร์-วี ใหม่เป็นรถ สปอร์ตอเนกประสงค์ที่มีความเพรียวลมมากที่สุด และมีทัศนวิสัยการ
ขับขี่ดีขึ้น 

ไฟหน้าใหม่แบบโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ กระจังหน้าใหม่แบบ 3 ชั้นพร้อมคิ้วโครเมี่ยม ไฟตัดหมอกรูปวงรี 
รวมไปถึงกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ไฟท้ายและไฟเบรกแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ตั้งขนานกับแนวเสาหลังคา 
ตลอดจนการใช้เสาอากาศแบบครีบ และล้ออัลลอย 5 ก้านขนาดใหญ่



ภายในห้องโดยสาร ถูกออกแบบให้เน้นความโปร่ง และกว้างขวางกว่าเดิมเล็กน้อย ประดับตกแต่งให้ดูหรูใน
ระดับ Premium Grade เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และเทคโนโลยีล้ำสมัย ลดระดับของเสียงรบกวน ให้ความรู้สึก
สะดวกสบาย เหมือนขับรถซีดานตลอดการเดินทาง อีกหนึ่งจุดเด่นของ CR-V ใหม่ อยู่ที่การออกแบบเบาะหลัง
ให้มีรูปแบบการปรับพนักพิง ใหม่ ให้สามารถแยกพับลงได้แบบ 60:40 จนเกือบแบนราบเป็นระนาบเดียวกับ
พื้นที่เก็บสัมภาระได้อย่างง่ายดายเพียงดึงคันโยกหรือสายด้านข้างเพียงครั้งเดียว (One Motion) มีให้เลือกทั้ง
เบาะหนังโทนสีดำ และสีเทาอ่อน



แผงหน้าปัด และมาตรวัด อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีร่วมสมัย เช่น หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ i-MID 
พร้อม ระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน Eco Assist / ECON Mode เหมือนกับ Honda รุ่นใหม่ๆ 
ที่เปิดตัวในบ้านเรา ช่วงปี 2012 นี้ แผงมาตรวัดแบบเรืองแสง ระบบเนวิเกเตอร์พร้อมเครื่องเล่น DVD และ 
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth พร้อมชุดเครื่องเสียงที่มีโหมดการปรับความดังของเพลง
อัตโนมัติตามความเร็วของรถยนต์ (Speed-Sensitive Volume Control: SVC) สวิชต์ติดเครื่องยนต์แบบ 
One Push Ignition System พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน พร้อมสวิชต์ Multi Function และ ระบบ Honda Smart 
Key System ที่ติดตั้งมาให้ครั้งแรกสำหรับ CR-V



ด้านวิศวกรรม CR-V ยังคงติดตั้งเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด เหมือนเดิม และยังคงเป็นเครื่องยนต์ แบบเดิม
ที่ลูกค้าชาวไทยคุ้นเคย ทั้ง เครื่องยนต์ R20A บล็อก 4 สูบ SOHC  1,997 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 81.0 x 96.9
มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.6 : 1 พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC  เวอร์ชันเดียวกับ Civic FB ใหม่ ที่ถูก
ยกระดับความแรงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากเดิม 150 แรงม้า (PS) เป็น 155 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด
สูงสุด 19.4 กก.-ม.ที่ 4,300 รอบ/นาที 

และเครื่องยนต์ K24A บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,354 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 87.0 x 99.0 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 9.3 : 1 ยกมาจาก CR-V รุ่นเดิม กำลังสูงสุด ก็เลยยังคงเหมือนเดิมคือ 170 แรงม้า (PS) ที่
5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก-ม.ที่ 4,200 รอบ/นาที

เครื่องยนต์ ทั้ง 2 ขนาด ถูกปรับปรุงให้สามารถรองรับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเอทานอล ได้สูงสุดถึงระดับ E85

ทั้ง 2 ขุมพลัง ยังคงมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ ตามสภาพถนน และมีเฉพาะ
เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ เท่านั้น 



ด้านความปลอดภัย ยังคงติดตั้ง ระบบควบคุมการทรงตัว VSA พร้อมระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย 
เพาเวอร์ไฟฟ้า MA-EPS  ระบบป้องกันล้อล็อค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยออกตัว
บนทางลาดชัน Hill Start Assist  ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และ ด้านข้างสำหรับเบาะคู่หน้า รวม 4 ใบ พร้อมระบบ
ตรวจสอบตำแหน่งท่านั่งของผู้โดยสารด้านหน้า (Occupant Position Detection System: OPDS)  
และกุญแจรีโมทนิรภัย Immobilizer

CR-V ใหม่ เพิ่งได้รับการจัดอันดับความปลอดภัยโดยรวมระดับ 5 ดาว จาก The National Highway Traffic 
Safety Administration (NHTSA) ประเทศสหรัฐอเมริกา และยังได้รับคะแนนระดับดีจากทุกการทดสอบจาก 
The Insurance Institute for Highway Safety (IIHS) และได้รับเลือก Top Safety Pick ทั้งยังได้รับรางวัล
มากมายกว่า 130 รางวัลจากทั่วโลก



Honda ตั้งเป้ายอดขาย CR-V ใหม่ไว้ที่ 20,000 คัน ภายใน 1 ปี CR-V ใหม่ โดยจะมีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ดังนี้ 
รุ่น 2.0 S 2WD   ราคา 1,164,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 34,000 บาท) 
รุ่น 2.0 E 4WD   ราคา 1,274,000 บาท (เพิ่มขึ้น 30,000 บาท)
รุ่น 2.4 EL 2WD ราคา 1,444,000 บาท (เพิ่มขึ้น 20,000 บาท) 
รุ่น 2.4 EL 4WD ราคา 1,524,000 บาท (เพิ่มขึ้น 11,000 บาท)

ส่วนสีตัวถังจะมีทั้งหมด  6 สี ได้แก่ 2 สีใหม่ สีน้ำเงิน Twilight Blue Metallic สีขาว Orchid มุก 
(ราคาเพิ่ม 12,000 บาท) สีเงิน Alabaster Metallic สีดำ Cyrstal (มุก) สีเทา Polish Metal Metallic
 และสีน้ำตาล Urban Titanium Metallic

รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ โชว์รูม Honda ทั่วประเทศ หรือ www.Honda.co.th/crv และ Honda 
Call Center โทร. 02-341-7777, 02-341-7888, 02-341-7999 ได้ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป เพราะ
เมื่อเปิดตัวแล้ว Honda จะเริ่มส่งมอบรถยนต์ ให้ลูกค้าได้ทันที

---------------------------///----------------------------


http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=4412

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

ปรับนิดหน่อย Toyota INNOVA Improvement 2012

แม้จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2004 และเพิ่มปรับโฉมครั้งล่าสุดไปเมื่อเดือนกันยายนปีกลาย แต่โตโยต้ายังไม่หยุด
ปรับปรุงรถยนต์ครอบครัว 7 ที่สร้างขึ้นบนเฟรมแชสซีส์อย่าง Innova ให้ถูกใจกับกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น
ด้วยการส่ง Toyota Innova Improvement รุ่นปรับปรุงอุปกรณ์ใหม่ล่าสุด พร้อมการเปิดตัวไปเมื่อวันที่
10 กันยายน 2012 ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์และความสุขให้ทุกคนในครอบครัว 
ส่งตรงจากโรงงาน P.T. Astra Toyota ในประเทศอินโดนีเซีย 

alt

การปรับปรุงครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์ใดๆทั้งสิ้น โดยยังคงใช้ชุดกันชนหน้า โคมไฟหน้าและไฟท้าย พร้อม
ชุดสเกิร์ตรอบคันและสปอยเลอร์หลังเหมือนเดิมกับรุ่นไมเนอร์เชนจ์ครั้งล่าสุดไม่ผิดเพี้ยน ความเปลี่ยนแปลง
ในครั้งนี้เน้นไปที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ด้วยการเพิ่มกล้องมองหลังพร้อมเซนเซอร์
ช่วยกะระยะด้านท้ายเพื่อช่วยขณะถอยจอดรถ ในขณะที่สีตัวถังมีการเพิ่มสีใหม่ Grey Mica Metallic เข้ามา
เสริมทัพสีตัวถัง White Solid, Silver Metallic และ Black Mica ที่ทำตลาดอยู่

alt
alt

ในขณะที่ภายในมาพร้อมการปรับอุปกรณ์ชุดใหญ่ ด้วยการใส่ระบบนำทางเนวิเกเดอร์ พร้อมจอ LCD ขนาด 6.1 นิ้ว
และรีโมทคอนโทรล สำหรับผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 ที่อาจจะอยู่ไกลจนมองหน้าจอบนคอนโซลไม่เห็น โตโยต้า
ได้เพิ่มจอ LCD ภายในห้องโดยสารขนาด 10.2 นิ้ว เพิ่มความบันเทิงให้เพลิดเพลินอย่างเต็มอิ่มกันทั้งคันรถ นอกจาก
นี้ยังมีการปรับการตกแต่งภายในเล็กน้อย ด้วยการใช้พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 4 ก้าน หัวเกียร์หุ้มหนัง และแผงคอน
โซลกลางพร้อมตกแต่งสีเมทัลลิกและลายไม้ตามสมัยนิยม พร้อมการส่งต่อความเย็นให้ทั่วถึงทั้งคันรถด้วยระบบปรับอากาศ
ดิจิตอลอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศแถว 2 และ 3

alt

สำหรับขุมพลังยังคงเหลือตัวเลือกเดียวคือเครื่องยนต์เบนซินรหัส 1TR-FE ขนาด 2.0 ลิตร 136 แรงม้าให้เลือก
ใช้ โดยมีราคา (รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม) ดังนี้
2.0 V A/T ราคา 1,114,000 บาท
2.0 G Option A/T ราคา 1,009,000 บาท
2.0 G A/T ราคา 954,000 บาท
2.0 E M/T ราคา 849,000 บาท

เปิดรับแล้วตั้งแต่วันนี้ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่าย Toyota ทั้ง 346 แห่ง ทั่วประเทศ
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=4375

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

Honda Brio เพิ่มรุ่นล่างออโต้ เข็นมาลุยปี 2012

Honda รู้ตัวดีมาก ๆ ว่า Brio ยังคงเป็นจุดอ่อนในกลุ่มรถยนต์นั่งของตนเองอยู่ และน่าจะเป็นจุดบอดสำคัญที่ทำให้ภาพรวมตลาดรถยนต์นั่งภายใต้แบรนด์ Honda ยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก เพราะโดยปกติรถยนต์นั่งทุกรุ่นของ Honda อยู่ในเกณฑ์ขายได้จนถึงขายดี ขืนปล่อยให้สถานการณ์ของ Brio ย่ำแย่ลงไปเห็นทีจะสายเกินแก้

ภายใต้สภาวะตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่เอื้ออำนวยด้วยปัจจัยพร้อมมูลทุกอย่าง อาทิ การสนับสนุนมาตรฐานคืนเงินภาษีให้แก่ผู้ซื้อรถยนต์คันแรก, การซื้อรถยนต์ทดแทนน้ำท่วมหรือรถที่เคยเสียหายไป ทำให้ Honda ประเทศไทยต้องเร่งพลิกฟื้นสถานการณ์ Brio ในปีนี้อย่างเร่งด่วน

alt

ล่าสุด Honda ได้แนะนำ Brio เกรดย่อยใหม่ S CVT ในราคาแค่เพียง 472,500 บาท ถูกกว่ารุ่น V CVT ประมาณ 3 หมื่นบาท น่าจะสร้างความสนใจให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบความคุ้มค่าของรถยนต์ขนาดเล็กจาก Honda มากขึ้น พร้อมทั้งปรับอุปกรณ์รุ่น S เกียร์ธรรมดา ให้น่าสนใจมากขึ้นเพื่อจะได้ต่อกรกับคู่แข่งได้ถนัดมือมากขึ้น

Honda Brio รุ่นย่อย S เกียร์ธรรมดาและ CVT จะเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานใหม่เพื่อความคุ้มค่า อาทิ  ระบบเซ็นทรัลล็อก ช่องจ่ายไฟสำรอง กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า และล้อกระทะขนาด 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อดีไซน์ ใหม่ 

ขุมพลัง Honda Brio ทุกรุ่นย่อยยังยืนยันด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์ i-VTEC 4 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้า มีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่มาพร้อมกับระบบ Shift Hold System  และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า (EPS), ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD,) ถุงลมคู่หน้าม โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Con และเข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ



ราคา Honda Brio ใหม่

S MT                 433.500.-  (รับสิทธิประโยชน์คืนภาษีรถคันแรก 65,000 บาท)

S AT                 472,500.-  (รับสิทธิประโยชน์คืนภาษีรถคันแรก 72,000 บาท)

V MT                 469,500.-  (รับสิทธิประโยชน์คืนภาษีรถคันแรก 66,000 บาท)

V AT                 508,500.-  (รับสิทธิประโยชน์คืนภาษีรถคันแรก 73,000 บาท)